“กนอ.” ปลื้มยอดขาย/เช่าที่นิคมฯ ปี 65 พุ่ง 65.1% ตั้งเป้าปีหน้าแตะ 2,500 ไร่

เรื่องที่น่าสนใจ เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

“วีริศ” ผู้ว่าฯ กนอ.เผยยอดขาย/เช่าที่ดินพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ปี 2565 แตะ 2,016.24 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 65.1 %ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ หลังมีการเปิดประเทศ แย้มต่างชาติสนใจติดต่อขอเข้าชมพื้นที่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ”อีอีซี”ยังเนื้อหอม เล็งขยับเป้าขาย/เช่าที่ดินปีหน้าเป็น 2,500 ไร่

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2565 (กันยายน 2564-ตุลาคม 2565) กนอ.มียอดขาย/เช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งที่ร่วมดำเนินการและที่ดำเนินการเอง จำนวน 2,016.24 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 65.1% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปี 1,770 ไร่ แบ่งเป็นในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) จำนวน 1,716.99 ไร่ และนอกพื้นที่อีอีซี จำนวน 299.25 ไร่ มีการแจ้งเริ่มประกอบกิจการ และใบขออนุญาตส่วนขยาย 407 ราย เกิดการจ้างงาน 39,643 คน มูลค่าการลงทุนรวม 137,677.75 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากการที่ไทยเปิดประเทศอย่างเป็นทางการทำให้นักลงทุนจากต่างชาติเดินทางมาชมพื้นที่นิคมฯ เพิ่มขึ้น ประกอบกับความก้าวหน้าที่ชัดเจนของการพัฒนา 4 โครงสร้างพื้นฐานหลักในอีอีซีทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นและทยอยเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่อีอีซียังคงได้รับการตอบรับจากนักลงทุนต่อเนื่องซึ่งคาดว่าเป็นผลจากโครงการ LTR Visa ที่เปิดใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ดึงนักลงทุนต่างชาติมีศักยภาพสูงด้านทักษะและความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีสมัยใหม่และผู้มีความมั่งคั่งเข้ามาลงทุนใน 12 อุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลกำลังผลักดัน

“กนอ.เองก็ได้คาดการณ์ไว้เช่นกันว่าปีนี้จะมีเม็ดเงินลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นจากการเปิดประเทศ เมื่อพิจารณาจากหลายปัจจัยแล้ว ทำให้ในปี 2566 กนอ.ตั้งเป้ายอดขาย/เช่าพื้นที่ไว้ที่ 2,500 ไร่ โดยคาดการณ์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและปัจจัยบวกจากทิศทางการเคลื่อนย้ายการลงทุนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ การแพร่ระบาดของ covid-19 การเกิดสงครามยูเครน-รัสเซีย และล่าสุดการปฏิรูปการเมืองในประเทศจีน ทำให้หลายอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่จัดระบบการผลิตครั้งใหญ่ ซึ่งไทยมีความได้เปรียบหลายส่วน ส่งผลให้บริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกหลายบริษัทเล็งที่จะเข้ามาลงทุนในไทย”ืนายวีริศกล่าว

 

ปัจจุบัน กนอ.มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ประมาณ 182,273 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง ประมาณ 37,724 ไร่ และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานประมาณ 144,549 ไร่ มีพื้นที่ขายและให้เช่า ประมาณ 119,307 ไร่ เป็นพื้นที่ขาย/ให้เช่าแล้วประมาณ 94,043 ไร่ และมีพื้นที่คงเหลือสำหรับขาย/ให้เช่าอีกประมาณ 25,264 ไร่ มีมูลค่าการลงทุนสะสม ประมาณ 5.59 ล้านล้านบาท มีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 4,864 โรง และมีการจ้างงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 926,262 คน

โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. กิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรม 22.6% 2. อุตสาหกรรมยานยนต์ และการขนส่ง 11.06% 3. อุตสาหกรรมเหล็ก และผลิตภัณฑ์โลหะ 9.33% 4. อุตสาหกรรมยาง พลาสติก และหนังเทียม 8.85% และ 5. อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักร และอะไหล่ 8.36% ทั้งนี้ นักลงทุนจากญี่ปุ่นครองแชมป์สนใจลงทุนมากเป็นอันดับหนึ่งถึง 31.25% รองลงมาคือ นักลงทุนจากจีน 18.75 และนักลงทุนจากอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ อินเดีย และมาเลเซีย 6.25% ตามลำดับ

ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 67 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง ใน 16 จังหวัด เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง 15 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน 52 แห่ง